คาถาสักการบูชาหลวงปู่ทวด
การสักการบูชาให้ตั้งสวด นโม ตสฺส ฯลฯ 3 จบ ตามด้วยคาถานี้ 3 จบเช่นกัน
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
มีความหมายว่า "ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่เจ้าประคุณสมเด็จหลวงปู่ทวด ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นผู้มีโชคซึ่งเข้ามาสถิตอยู่ในตัวของข้าพเจ้านี้" คำว่า อาคนฺติมาย ควรจะเป็น อาคนฺตีมาย เนื่องจากเป็นคำสนธิระหว่าง อาคนฺติ กับ อิมาย แต่คงเสียงสระสั้นไว้เพื่อความไพเราะของภาษา [3]
อาจารย์ชะเอม แก้วคลาย (ป.ธ.๗) และอาจารย์สุวัฒน์ โกพลรัตน์ (ป.ธ.๙) ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาโบราณของหอสมุดแห่งชาติ ได้วิเคราะห์ไว้ว่า คาถานี้ไม่ถูกหลักไวยากรณ์ภาษาบาลี แต่เป็นการผูกเงื่อนงำในทางความหมาย การผูกประโยคจึงต้องนำศัพท์เข้ามาเพิ่ม ประโยคที่สมบูรณ์จึงควรเป็นดังนี้ [3]
โย เถโร โพธิสตฺโต อิติภควา อิมาย ชนาย อาคนฺติ นโม ตสฺส โพธิสตฺตสฺส อิติภควโต เถรสฺส อตฺถุ
[อันว่าพระเถระรูปใดเป็นพระโพธิสัตว์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีโชคย่อมมาสู่ชน (หรือบุคคล) ผู้นี้
อันว่าความนอบน้อมขอจงมีแก่พระเถระ ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ ที่ได้ชื่อว่าผู้มีโชครูปนั้น]
หลวงปู่ทวด
24.6.55
16.2.55
หลวงปู่ทวดหลังเตารีด
หลวงปู่ทวดหลังเตารีด
ในอดีตเมื่อเวลาใช้กล้องส่องดูพระหลังเตารีด ท่านผู้รู้ทั้งหลาย หรืออาจารย์ก็จะคอยบอกให้สังเกตดูร่องรอยตะไบด้านข้างองค์พระบ้าง ด้านหลังองค์พระบ้าง ด้านหน้าองค์พระบ้าง ผู้เขียนเป็นคนโชคดีที่ได้รู้จักกูรู(ปราชญ์ผู้รู้)ทางด้านหลวงพ่อทวดหลายคน อาทิเช่นโกหมิ่น หาดใหญ่ คุณภิยวัฒน์ วัฒนายากร(แต๊ก สงขลา) คุณชัยนฤทธิ์ เพชรพันธุ์ทอง ฯลฯ
เมื่อปีที่แล้ว(2551)ผู้เขียนได้มีโอกาสได้คุยกับโกหมิ่น หาดใหญ่ เรื่องการหล่อพระหลวงพ่อทวดหลังเตารีด ซึ่งเป็นการหล่อแบบโบราณ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่การหล่อพระฯแบบนี้ จะต้องมีเนื้อเกินขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย ช่างผู้หล่อพระฯก็จะมีการแต่งพระองค์ที่มีเนื้อเกินดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเอามาแจกจ่ายให้ผู้ศรัทธานำไปบูชา และได้มีการพูดถึงเรื่องการแต่งพระฯว่าใช้ตะไบแต่งพระฯจริงหรือไม่ โกหมิ่นท่านได้ถามผู้เขียนขึ้นมาว่า “แพะ คิดว่าเป็นอย่างไร เป็นไปตามที่เขาพูดมาหรือไม่” ผู้เขียนก็ตอบไปโดยไม่ได้คิดว่า “ก็เขาว่าเป็นรอยตะไบ” โกหมิ่นท่านพูดกับผู้เขียนว่า “ในความคิดเห็นของโกหมิ่น ๆ ว่าน่าจะเป็นรอยหินเจียรมากกว่า” แล้วท่านก็ยกหินเจียรตามที่ท่านผู้อ่านเห็นดังรูป ออกมาให้ผู้เขียนดู แล้วอธิบายให้ผู้เขียนฟังเสียยกใหญ่ ดังจะสรุปมาให้ได้อ่านดังนี้
- ถ้าใช้ตะไบแต่งด้านหลัง เราจะเอาอะไรมาจับองค์พระฯเพราะเวลาตะไบนานๆจะเกิดความร้อนจะเอามือจับก็ไม่ได้ ถ้าใช้ปากกาจับชิ้นงานหรือกรามเสือ(ต่อไปจะใช้คำว่ากรามเสือ)จับก็ต้องบีบแรงถึงจะอยู่ พระฯก็จะต้องบี้ บุ๋มเข้าไป แต่ไม่เห็นพระหลวงพ่อทวดหลังเตารีดเป็นแบบนั้นสักองค์ แล้วด้านข้างพระฯก็โค้งถ้าใช้กรามเสือบีบก็ต้องเด้งขึ้น–ลง เวลาลงตะไบถูก็ลำบากมาก
- ด้านขอบข้างองค์พระฯ ถ้าใช้ตะไบแต่ง ก็ต้องหาอะไรมาบีบจับองค์พระฯ ถ้าใช้กรามเสือจับ ส่วนที่นูนที่สุดขององค์พระ เช่นจมูก หน้าอกขององค์พระฯจะต้องมีรอยบี้ บุ๋มบ้าง แต่นี่เราก็ไม่เห็นเลย เพราะฉะนั้นต้องใช้หินเจียรแต่งโดยใช้มือจับ เมื่อเจียรด้านข้างและด้านหลังก็มีรอยคมเกิดขึ้นที่ขอบพระฯ ดังนั้นจึงใช้หินเจียรลบรอยคมออกอีกทีหนึ่ง
- ด้านข้างองค์พระฯ ที่พื้นที่มีร่องรอยเนื้อเกิน เราจะเห็นมีรอยหินเจียร เจียรออกไป เช่นตามซอกข้างไหล่ ข้างแขน เหนือเศียรพระฯ เป็นต้น ถ้าใช้ตะไบแต่ง จะเข้าไปตามซอกเหล่านี้ได้อย่างไร เพราะตะไบจะยาวเข้าตามซอกไม่ได้ แต่หินเจียรจะโค้งเข้าตามซอกดังกล่าวได้
- ด้านหน้าพระฯ บางครั้งเราจะเห็นมีรอยแหว่งตามหน้าผาก หน้าอก หัวเข่า แขน ไหล่ เป็นต้น เกิดจากการคว่ำหน้าพระฯลงแล้วเอาเข้าไปเจียร ช่างเวลาเจียรถ้าเผลอก็จะโดนองค์พระฯตามที่ต่างๆ เนื่องจากมองไม่เห็น หากใช้ตะไบถูแต่งก็ต้องเห็นตลอด ช่างต้องระวังไม่ให้พระฯแหว่ง
- พระฯหลังเตารีดปลุกเสกในวันที่16-17-18 พ.ค. 2505 เริ่มแจก 19 พ.ค. 2505 พระฯเป็นหมื่นองค์(เฉพาะพระฯที่หล่อที่วัด ก็ต้องมีเป็นพันองค์แล้ว) ถ้าใช้ตะไบแต่งจะต้องใช้เวลานานมาก ไม่ทันแจกวันที่ 19 พ.ค. 2505แน่นอน ดังนั้นผู้เขียนค่อนข้างจะแน่ใจว่าต้องใช้หินเจียรแต่งพระฯ เพราะการใช้หินเจียรแต่งพระฯจะทำได้รวดเร็วกว่ามาก
- แล้วทีนี้ก็มาถึงจุดสำคัญที่ผู้เขียนลงความเห็นในทันทีว่า ต้องใช้หินเจียรแต่งองค์พระหลวงพ่อทวดหลังเตารีด เพราะพระฯหลังเตารีดหลายองค์ที่ช่างแต่งด้านฐาน มีหลายองค์ทีเดียวที่บัวแถวล่างแหว่งไปตั้งค่อนครึ่งแถว ถ้าช่างใช้ตะไบแต่งองค์พระฯ ช่างจะต้องหงายองค์พระฯขึ้นทำให้มองเห็นตลอดเวลาในการแต่งพระฯ โดยปกติช่างจะไม่ทำให้บัวแหว่งเข้าลึกไปอย่างนั้น ช่างจะต้องหยุดก่อนที่พระฯจะแหว่งมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เหมือนกับที่ช่างใช้หินเจียรแต่ง เพราะต้องคว่ำหน้าพระฯลงหาหินเจียรจึงมองไม่เห็น แม้ว่าหินเจียรจะกินเนื้อพระฯเข้าไปเยอะแล้ว
ฯลฯ
ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างบนนี้เป็นตัวอย่างให้ท่านผู้อ่านได้เอาไปพิจารณากลั่นกรอง และค้นคว้าเพิ่มเติมต่อไปจะเชื่อหรือไม่ แล้วแต่ดุลยพินิจของท่าน ผู้เขียนไม่บังคับให้เชื่อตามผู้เขียน หากข้อความข้างบนนี้มีประโยชน์อยู่บ้าง ผู้เขียนขอยกความดีทั้งหมดให้กับบิดา-มารดาของผู้เขียนและกูรูทั้งสามท่านที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น หากมีสิ่งใดผิดพลาด ผู้เขียนขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวและขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
ขออำนาจแห่งองค์สมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดโปรดดลบันดาลให้
ท่านผู้อ่านแคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยทุกชนิดด้วยเทอญ
9.1.55
หลวงปู่ทวด วัดพะโค๊ะ
หลวงปู่ทวด วัดพะโค๊ะ
ปัจจุบัน วัดพะโค๊ะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่หนึ่งใน อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา และยังมีสถานที่ท่องเที่ยว
ใกล้เคียงกันคือ อุทยานนกน้ำคูขุด ห่างจากวัดพะโค๊ะ ประมาณ 10 กิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน
16.7.54
หลวงปู่ทวดวัดพระโคะ
หลวงปู่ทวดวัดพระโคะ
วัดพระโคะเป็นวัดเก่าแก่ของอำเภอสทิงพระ บริเวณภายในวัดร่มรื่น อากาศเย็นสบาย เหมาะสำหรับไปพักผ่อน และกราบไหว้
หลวงปู่ทวด ซึ่งภาษา ถิ่น เรียกกันว่า หลวงพ่อทวด เป็นที่ เคารพและเป็นเครื่องยึดเหนียว จิตใจ ในชุมชน ใกล้เคียง
หากใครมีเวลา ก็แวะมาเทียว ได้ทุกวัน บริเวณรอบวัดพระโคะ ก็มีอาหาร หวานคาว ไว้คอยบริการแก่ผู้มาเที่ยว เปิดบริการทุกวัน
วัดพระโคะเป็นวัดเก่าแก่ของอำเภอสทิงพระ บริเวณภายในวัดร่มรื่น อากาศเย็นสบาย เหมาะสำหรับไปพักผ่อน และกราบไหว้
หลวงปู่ทวด ซึ่งภาษา ถิ่น เรียกกันว่า หลวงพ่อทวด เป็นที่ เคารพและเป็นเครื่องยึดเหนียว จิตใจ ในชุมชน ใกล้เคียง
หากใครมีเวลา ก็แวะมาเทียว ได้ทุกวัน บริเวณรอบวัดพระโคะ ก็มีอาหาร หวานคาว ไว้คอยบริการแก่ผู้มาเที่ยว เปิดบริการทุกวัน
9.4.54
Coin
And this time keep little tidbits. Subject to deposit coins to see the offline.
This credit must be raised to a Web site amulets. That have captured enough.
We keep the deposit but has adapted. And the language simpler.
Problems due to fear or license I copied offline.
But because it is common knowledge that his or Sian his favorite.
Will need to know basis. Immunity to self and
I see that there is benefit to Web psychic friends.
Is my girlfriend, leading deposit
(I do not know me will completely offline. Because I did not have much knowledge or Sian).
1. Coin swelling or unnatural twisting before it shall be deemed spurious.
Except for the raised coin from the original mold itself.
2. Coin inlay frame is difficult to see the sheep should not worship the rent.
Unless viewed sheep rent. Because of the inlay frame. Camouflage the defects.
To see whether real or spurious edges that are not visible, such as coins, we will not see and so on.
3. See if the wrong type or not, and many more defects.
If the wrong type or no blame or below the critical Deni should not end there.
Of course bogus.
4. Third, if the type is displayed as the genuine or bogus computer
Bogus computer is to use a computer simulation of the real
I can like a lot of coins like the first version. Luang Pho Daeng. Wat Khao Bandai.
Sian bogus made eye back. Must be very careful. Computer bogus coins.
5. To identify bogus coins from the surface computer is more dollars.
The computer is bogus coins surface tension is not smooth.
Have blamed the meat over the coin is always true.
And see the metal used to make coins black minister gild
That the equation of old age or coins.
6. Medals worn. To feel the raised portion of the coin only.
The surface of the deep end or coins must be clear
7. Coins are worried about access. Weld must be older. Equation over the coin
8. Incision coins without the edge or joint filings.
It is not pumping dollars. Unless the pump to force the edge coin coin
Although cut pumps at the edge dollars.
It may also be spurious coin computer time.
This credit must be raised to a Web site amulets. That have captured enough.
We keep the deposit but has adapted. And the language simpler.
Problems due to fear or license I copied offline.
But because it is common knowledge that his or Sian his favorite.
Will need to know basis. Immunity to self and
I see that there is benefit to Web psychic friends.
Is my girlfriend, leading deposit
(I do not know me will completely offline. Because I did not have much knowledge or Sian).
1. Coin swelling or unnatural twisting before it shall be deemed spurious.
Except for the raised coin from the original mold itself.
2. Coin inlay frame is difficult to see the sheep should not worship the rent.
Unless viewed sheep rent. Because of the inlay frame. Camouflage the defects.
To see whether real or spurious edges that are not visible, such as coins, we will not see and so on.
3. See if the wrong type or not, and many more defects.
If the wrong type or no blame or below the critical Deni should not end there.
Of course bogus.
4. Third, if the type is displayed as the genuine or bogus computer
Bogus computer is to use a computer simulation of the real
I can like a lot of coins like the first version. Luang Pho Daeng. Wat Khao Bandai.
Sian bogus made eye back. Must be very careful. Computer bogus coins.
5. To identify bogus coins from the surface computer is more dollars.
The computer is bogus coins surface tension is not smooth.
Have blamed the meat over the coin is always true.
And see the metal used to make coins black minister gild
That the equation of old age or coins.
6. Medals worn. To feel the raised portion of the coin only.
The surface of the deep end or coins must be clear
7. Coins are worried about access. Weld must be older. Equation over the coin
8. Incision coins without the edge or joint filings.
It is not pumping dollars. Unless the pump to force the edge coin coin
Although cut pumps at the edge dollars.
It may also be spurious coin computer time.
2.2.54
หลวงปู่ทวด
ประวัติ หลวงปู่ทวด เป็นบุตรของนายหู นางจันทร์ ซึ่งเป็นทาสในเรือนเบี้ย(ทาสทำงานใช้หนี้)ของเศรษฐีปานเกิดในปลายรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เมื่อ 3 มีนาคม พ.ศ. 2125 ณ บ้านสวนจันทร์(บ้านเลียบ) ต.ดีหลวง(ปัจจุบันเป็นตำบลชุมพล) อ.สทิงพระ(จะทิ้งพระ) จ.สงขลา แรกเกิดมีชื่อว่าปู ขณะท่านเกิดมีเหตุอัศจรรย์คือเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น เสมือนหนึ่งว่ามีผู้มีบุญญาธิการมาเกิด เมื่อตัดรกจากสายสะดือแล้วนายหูบิดาของท่านก็นำรกของท่านไปฝังไว้ที่โคนต้นเลียบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ต้นเลียบในปัจจุบัน เมื่อท่านเกิดมาแล้วก็มีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นกับท่านเรื่อยมา เป็นต้นว่า ขณะที่ท่านอยู่ในวัยแบเบาะในช่วงฤดูเกี่ยวข้าวบิดามารดาของท่านต้องออกไปเกี่ยวข้าวที่กลางทุ่งนาซึ่งเป็นนาของเศรษฐีปาน ซึ่งท้องนาแห่งนั้นห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร ที่นาแห่งนั้นมีดงตาลและมะเม่าเป็นจำนวนมากครั้งนั้นจึงเรียกว่าทุ่งเม่า ปัจจุบันตั้งเป็นสำนักสงฆ์ชื่อนาเปล ในสมัยนั้นจึงมีสัตว์ป่าชุกชุมพอสมควร บิดามารดาของท่านจึงผูกเปลของท่านซึ่งเป็นเปลผ้าไว้กับต้นมะเม่าสองต้นและก็ได้เกี่ยวข้าวอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น พอได้ระยะเวลาที่นางจันทร์ต้องให้นมลูก นางจันทร์จึงเดินมาที่ที่ปลูกเปลของลูกน้อย และก็เห็นงูจงอางตัวใหญ่หรืองูบองหลาที่ชาวภาคใต้เรียกกันพันที่รอบเปล นางจันทร์เห็นแล้วตกใจเป็นอันมากจึงเรียกนายหูซึ่งอยู่ไม่ไกลนักมาดูและช่วยไล่งูจงอางนั้น แต่งูจงอางนั้นก็ไม่ไปไหน นายหูและนางจันทร์จึงตั้งสัตยาธิฐานว่าขออย่าให้งูนั้นทำร้ายลูกน้อยเลย ไม่นานนักงูจงอางนั้นก็คลายวงรัดออกและเลื้อยหายไปในป่านายหูและนางจันทร์จึงเข้าไปดูลูกน้อยเห็นว่ายังหลับอยู่และไม่เป็นอันตรายใด ๆ และปรากฏว่ามีเมือกแก้วขนาดใหญ่ที่งูจงอางคลายไว้อยู่บนอกเด็กชายปูนั้น เมือกแก้วนั้นมีแสงแวววาวและต่อมาได้แข็งตัวเป็นลูกแก้ว ปัจจุบันได้ประดิษฐานที่วัดพะโคะ เมื่อเศรษฐีปานทราบเรื่องเข้าก็บีบบังคับขอลูกแก้วเอาจากนายหูและนางจันทร์ บิดามารดาของท่านจึงจำต้องยอมให้ลูกแก้วนั้นแก่เศรษฐีปานซึ่งเป็นนายเงิน แต่ลูกแก้วนั้นเป็นของศักดิ์สิทธิประจำตัวท่าน เมื่อเศรษฐีปานเอาลูกแก้วไปแล้วก็เกิดเภทภัยในครอบครัวเกิดการเจ็บป่วยกันบ่อย และมีฐานะยากจนลง เศรษฐีปานจึงได้เอาลูกแก้วมาคืนและขอขมาเด็กชายปู และยกหนี้สินให้แก่นายหูและนางจันทร์ ทั้งสองจึงพ้นจากการเป็นทาสและต่อมาก็มีฐานะดีขึ้น ๆ ส่วนเศรษฐีปานก็มีฐานะดีขึ้นดังเดิม เมื่อท่านมีอายุได้ประมาณ 7ขวบ พ.ศ. 2132 บิดามารดาของท่านจึงนำท่านไปฝากไว้เป็นศิษย์วัดเพื่อเล่าเรียนหนังสือ ที่วัดกุฎ๊หลวงหรือวัดดีหลวงในปัจจุบัน ซึ่งเป็นวัดอยู่ใกล้บ้านท่าน ขณะนั้นมีท่านสมภารจวง ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ เด็กชายปูเป็นเด็กที่หัวดีเรียนเก่งสามารถเล่าเรียนภาษาขอมและภาษาไทยได้อย่างรวดเร็ว สมภารจวงได้บวชให้ท่านเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 15 ปี ตอนที่ท่านบวชเป็นสามเณรนี้เองบิดาของท่านจึงถวายลูกแก้วคืนให้แก่ท่านเป็นลูกแก้วประจำตัวท่านต่อไป ด้วยความที่เป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้ตลอดเวลาของท่าน ต่อมาท่านสมภารจวงได้นำไปฝากให้เล่าเรียนหนังสือที่สูงขึ้นสมัยนั้นเรียกว่ามูลบทบรรพกิจ ปัจบันก็คือเรียนนักธรรมนั่นเอง โดยนำไปฝากเรียนไว้กับสมเด็จพระชินเสน ซึ่งเป็นพระเถระชั้นสูงที่ส่งมาจากกรุงศรีอยุธยา ให้มาครองเป็นเจ้าอาวาสวัดสีคูยังหรือวัดสีหยังในปัจจุบัน ห่างจากวัดดีหลวงไปทางเหนือประมาร 4 กิโลเมตรเท่านั้น ท่านได้เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและจบหลักสูตรที่วัดสีคูยังนั้น หลังจากนั้นท่านได้เดินทางเข้ามาศึกษาต่อที่เมืองนครศรีธรรมราชเพื่อเรียนหนังสือให้สูงขึ้น ดดยมาพำนักอยู่ที่วัดเสมาเมือง ซึ่งเป็นสำนักเรียนและมีสมเด็จพระมหาปิยะทัสสี เป็นเจ้าอาวาส และบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสงฆ์เมื่ออายุครบกาลอุปสมบท ท่านได้ศึกษาวิชาจากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ จนมีความรู้และเป็นผู้ทรงอภิญญามาก และได้แสดงปาฏิหาริย์หลายครั้ง ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากสมเด็จพระเอกาทศรศในครั้งสุดท้ายในราชทินนามที่ สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ สุดท้ายเมื่อท่านมีอายุได้ 80 ปี ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดพะโคะ วัดบ้านเกิดของท่าน จวบจนมรณภาพ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225 สิริรวมอายุได้ 99 ปี
25.10.53
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)